ใครควรรับ “ภาระ”

เราพูดกันมาบ้างแล้วถึง ภาระ ที่เกิดขึ้นจากการที่เราซื้อหาสินค้ามาใช้งานหรือบริโภคในชีวิตประจำวันก็ดี หรือในการทำงานประกอบอาชีพหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ สินค้า ที่ว่าเกิดมีอันตรายขึ้นมาไม่ว่าในทางใดทางหนึ่ง เราควรจะทำอย่างไรกับภาระที่เกิดขึ้นซึ่งอาจจะมีตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดรายได้ที่ควรจะมีหรือควรจะทำมาหาได้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ของ ความโชคร้าย เหล่านี้

แน่นอนว่าถ้าในเหตุการณ์เหล่านี้มี คนผิด เราคงจะชี้ตัวได้ไม่ยากว่าใครหรือคนไหนควรจะเป็นผู้มีหน้าที่ต้องแบกรับ ภาระ ที่เกิดขึ้น เราคงจะมองเหมือนๆ กันได้ว่าคนที่เราบอกว่าเป็น คนผิด นั่นแหละที่เป็นคนที่ต้องแบกรับ ภาระ ที่เกิดขึ้น

หากชีวิตเป็นอะไรที่มีขาวมีดำและบอกได้อย่างชัดเจนทุกอย่าง โลกนี้คงจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
น่าเสียดายที่หลายๆ เรื่องเราไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูกได้อย่างชัดเจนขนาดนั้น เพราะบางเรื่องอาจจะหา คนผิด จริงๆ ไม่ได้ก็ได้ หรือไม่อาจบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าคนใดคนหนึ่งเป็น คนผิด ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สมมติเพื่อประโยชน์ของการที่เราจะทำความเข้าใจประเด็นต่างๆ เหล่านี้ก็แล้วกันว่ามีบริษัทอยู่บริษัทหนึ่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากนมวัว ขอใช้ชื่อว่า บริษัทนมสดไทย จำกัด อยู่มาวันหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บของบริษัทแห่งนี้สามารถคิดค้น นมเปรี้ยว สูตรพิเศษขึ้นมาได้เรียกชื่อว่า นมเปรี้ยวมหัศจรรย์

คุณสมบัติที่สำคัญของนมเปรี้ยวชนิดนี้คือจุลินทรีย์บางชนิดในนมเปรี้ยวช่วยชะลอการสร้างตัวของเนื้องอกในร่างกายได้ แต่บังเอิญว่าหากใครก็ตามที่กินนมเปรี้ยวชนิดนี้ไปในระหว่างที่มีอาการหวัดจะทำให้มีผลข้างเคียงคือมีอาการหน้ามืดเป็นลมจนอาจจะหมดสติได้หากผู้นั้นสุขภาพไม่แข็งแรง นักวิทยาศาสตร์ของบริษัทนมสดไทย จำกัด พยายามหาทางแก้ไขอาการผลข้างเคียงนี้อย่างไรก็คิดหาวิธีการไม่ได้ บริษัทเห็นว่าคุณประโยชน์ของนมเปรี้ยวนี้มีมากแต่ผลข้างเคียงไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักจึงได้ทำตลาดวางขายนมเปรี้ยวนี้

ป้าเย็น ซึ่งบังเอิญมีปัญหาเกี่ยวกับเนื้องอกเห็นโฆษณา นมเปรี้ยวมหัศจรรย์ เลยลองซื้อมาดื่มดูเผื่อว่าจะได้ผล พอลองใช้ไปสักระยะปรากฏว่าใช้ได้ดีเนื้องอกเริ่มหยุดการเจริญเติบโต

อยู่มาวันหนึ่งป้าเย็นไปเก็บผักบุ้งขาย แต่บังเอิญว่าฝนตกพอดี วันรุ่งขึ้นป้าเย็นเลยมีอาการหวัดคัดจมูก เมื่อกลับไปถึงบ้านด้วยความเคยชิน ป้าเย็นก็หยิบนมเปรี้ยวมหัศจรรย์มาดื่ม

ระหว่างที่เดินออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้นอกบ้าน ป้าเย็นเกิดมีอาการหน้ามืด ป้าเย็นคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากจึงฝืนทำงานต่อไป ขณะที่หอบผ้ากลับไปไว้ในบ้าน ป้าเย็นก็เป็นลมหมดสติ บังเอิญว่าตอนที่ล้มลง ศีรษะป้าเย็นไปกระแทกถูกขอบประตูเข้าพอดี

ในกรณีนี้ หากเราจะบอกว่าคนที่ผลิตนมเปรี้ยวนี้เป็นคนผิดก็อาจจะพูดไม่ได้เต็มปากนักเพราะวิทยาการความรู้เท่าที่มีสามารถผลิตสินค้าได้เท่าที่ปรากฏ จะให้ทำดีกว่านี้ก็ไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ห้ามไม่ให้วางขายสินค้าแบบนี้เลยก็ออกจะเป็นมาตรการที่เกินเลยไปเพราะคุณประโยชน์ที่จะได้จากตัวสินค้ายังมีอีกมาก ผู้บริโภคหรือผู้ใช้สินค้านั้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับอันตรายจากสินค้าที่วางขายแต่อย่างใด คงมีเพียงบางรายเท่านั้นที่บริโภคหรือใช้สินค้าแล้วเกิดมีปัญหาได้รับอันตรายขึ้นมา หากสินค้านั้นได้มีการบริโภคหรือใช้แล้วเกิดอันตรายกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้สินค้าส่วนใหญ่แล้วก็คงจะไม่มีใครกล้าวางขายสินค้าในท้องตลาดอย่างแน่นอนเพราะสุดท้ายคงจะไม่สามารถแบกรับภาระความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นได้

ไม่ว่าใครจะเป็นคนผิดคนถูกก็ตาม แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใครจะเป็นคนรับภาระค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากอันตรายของสินค้าเหล่านี้

หากให้คนที่ซื้อสินค้าไปใช้หรือไปบริโภคอย่างเช่นป้าเย็นในตัวอย่างนี้เป็นคนรับภาระเอง ถ้าเป็นเรื่องที่ภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นไม่มากนัก เช่นเป็นค่ายาพาราเซตตามอลเพื่อแก้ไขอาการวิงเวียนศรีษะก็คงจะไม่เป็นภาระเท่าใด คนที่ซื้อสินค้าไปส่วนใหญ่คงจะอยู่ในวิสัยที่พอรับภาระได้

แต่หากผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่และภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมามีจำนวนมาก คนที่ซื้อหาสินค้าไปบริโภคหรือไปใช้ส่วนใหญ่อาจจะไม่อยู่ในสถานะหรือมีความพร้อมที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายก้อนโตเหล่านี้ได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะหมายถึงการล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลานานจนไม่สามารถประกอบการงานเพื่อเลี้ยงชีพได้ หรืออาจจะหมายถึงความพิการจนเสียความสามารถในการทำการงานได้อีกต่อไป

คนต่อมาที่เราอาจจะนึกถึงคือ รัฐ ในฐานะที่เป็นผู้ที่ดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนผู้เสียภาษีให้แก่รัฐ เมื่อประชาชนผู้เสียภาษีเหล่านี้เกิดความเดือดร้อนขึ้นมา รัฐที่เก็บภาษีของประชาชนไปแล้วก็ควรต้องดูแลประชาชนผู้เสียภาษีเหล่านี้เป็นการตอบแทนบ้าง

แน่นอนว่าในบริการต่างๆ ของรัฐที่ให้แก่ประชาชนก็มีส่วนหนึ่งที่ให้การ สงเคราะห์ ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือภัยพิบัติอยู่ด้วย ย่อมเป็นไปได้เหมือนกันที่รัฐจะเอื้อเฟื้อความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ประสบความเดือดร้อนจากการบริโภคหรือใช้สินค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน

บทบาทของรัฐในกรณีนี้ย่อมสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่หา คนผิด ไม่ได้หรือหาได้ก็ยากเต็มทีได้พอสมควร แต่เงินที่รัฐมีอยู่ไม่ใช่ว่ามีอยู่อย่างไม่จำกัด แม้รัฐจะพิมพ์ธนบัตรได้เอง แต่ก็ไม่ใช่ว่านึกอยากจะพิมพ์เท่าไหร่ก็พิมพ์ออกมา หากทำเช่นนั้นข้าวของคงจะแห่ขึ้นราคาตามภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการพิมพ์ธนบัตรแบบตามใจฉัน

สุดท้ายแหล่งเงินที่สำคัญของรัฐก็ยังคงมาจากเงินภาษีที่เรียกเก็บจากเราๆท่านๆ อยู่นั่นเอง เงินภาษีเหล่านี้ย่อมมีจำกัดตามจำนวนที่เรียกเก็บได้ในแต่ละปี การจะใช้จ่ายอะไรจึงไม่สามารถทำได้ตามใจชอบโดยไม่มีข้อจำกัด เพราะรัฐเองก็ไม่ได้มีภาระเพียงการสงเคราะห์คนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านเดียว หากแต่ยังมีภาระในการพัฒนาและทะนุบำรุงประเทศชาติในด้านอื่นๆ อีกมาก

ที่สำคัญคือในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่ต้นจนเกิดปัญหาขึ้นมาเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐสักเท่าใด ประโยชน์ที่รัฐจะได้ก็แทบจะไม่มี หากต้องรับภาระที่เกิดขึ้นอีกออกจะเข้าทำนอง เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ

หากเราพิจารณาปัจจัยของ ประโยชน์ ที่เกิดขึ้น เราอาจจะต้องหันไปหาอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ นั่นก็คือผู้ประกอบการที่เป็นคนคิด ประดิษฐ์ ผลิตและวางขายสินค้าสู่ท้องตลาด จากกระบวนการทั้งหมด คนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดและได้รับประโยชน์มากที่สุดเห็นจะเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตและขายสินค้าเหล่านั้น เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้ได้รับประโยชน์ไม่เพียงแต่จากผู้บริโภคหรือผู้ใช้สินค้าเช่น ป้าเย็น เท่านั้น หากแต่ยังได้ประโยชน์จากผู้ซื้อสินค้ารายอื่นๆ ในท้องตลาดอีกมากมาย

ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาและเกิดภาระจากการบริโภคหรือใช้สินค้าในกรณีที่บอกได้ยากว่าใครผิดใครถูกหรือพิสูจน์ได้ยากเย็นแสนเข็ญเหล่านี้ บุคคลที่อยู่ในสถานะที่จะแบกรับภาระดังกล่าวได้ดีกว่าคนอื่นจึงน่าจะเป็น ผู้ประกอบการ ที่ผลิตและขาย สินค้าที่ไม่ปลอดภัย เหล่านั้นนั่นเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความรับผิดของผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีอำนาจควบคุมนิติบุคคล

ฮั้ว

บางครั้งก็ต้องยอม