ออกแบบไม่ดี สินค้าเลยไม่ปลอดภัย
สินค้าหลายชนิดที่กลายเป็น
“สินค้าที่ไม่ปลอดภัย” ทั้งๆ ที่กระบวนการผลิตไม่ได้มีข้อบกพร่องใดๆ
และองค์ประกอบหรือลักษณะของสินค้านั้นมีครบถ้วนหรือมีคุณสมบัติตรงตามที่ผู้ผลิตสินค้านั้นต้องการทุกประการ
เราเรียกว่าสินค้านั้นว่ามี “ความบกพร่องในการออกแบบ (Design
defect)” ความบกพร่องชนิดนี้จะมีความแตกต่างจากความบกพร่องประเภทแรกที่เราได้กล่าวถึงแล้วคือ
“ความบกพร่องในการผลิต”
ความแตกต่างระหว่าง
“ความบกพร่อง” ทั้งสองประเภทคือ กรณี “ความบกพร่องในการผลิต”
สินค้าที่ผลิตออกมามีองค์ประกอบหรือลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่ตรงตามที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้สำหรับสินค้านั้น
ผลของการที่สินค้าที่ผลิตมามีองค์ประกอบหรือลักษณะที่ไม่ตรงตามที่กำหนดเป็นเหตุให้สินค้านั้นก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ซื้อ
ผู้บริโภค ผู้ใช้หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่บังเอิญเข้าไปเกี่ยวข้อง
เกี่ยวพันหรือใกล้ชิดกับสินค้านั้น
ในกรณีของ “ความบกพร่องในการออกแบบ” นี้
สินค้าที่ผลิตไม่ได้มีองค์ประกอบหรือลักษณะส่วนหนึ่งส่วนใดที่ขาดหายหรือไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ผลิตกำหนดเหมือนกรณี
“ความบกพร่องในการผลิต” ตรงกันข้าม
สินค้าในกรณีนี้มีองค์ประกอบหรือลักษณะที่ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดและออกแบบไว้ทุกประการดังที่กล่าวถึงแล้วในตอนต้น
แต่องค์ประกอบหรือลักษณะบางประการที่ถูกกำหนดหรือออกแบบไว้ซึ่งเป็นองค์ประกอบหรือลักษณะที่ผู้ผลิตตั้งใจให้มีอยู่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายขึ้นมา
หากย้อนกลับไปนึกถึงตัวอย่างของลุงชมที่ซื้อรถยนต์คันงามยี่ห้อ
“วิ่งฉิว”
แล้วเกิดอุบัติเหตุระหว่างที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับบ้าน ในกรณีนั้น
รถยนต์คันที่ลุงชม “ถอย” ออกมาไม่มี “ผ้าเบรก” ติดตั้งไว้ ทั้งๆ
ที่ตามแบบที่บริษัทกำหนดและออกแบบไว้ รถยนต์ทุกคันจะต้องมี “ผ้าเบรก” ติดตั้งไว้ด้วย ผลจากการที่ไม่มี “ผ้าเบรก” ติดตั้งไว้ทำให้รถยนต์ของลุงชมเกิดอุบัติเหตุ เราเรียกว่ากรณีนี้ว่าเป็น “ความบกพร่องในการผลิต”
ซึ่งเราพูดถึงเรื่องนี้กันมาพอสมควรแล้วคงไม่จำเป็นต้องไปทบทวนใหม่ทั้งหมด
คราวนี้หากสมมติให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง
หากปรากฏว่ารถยนต์ของลุงชมคันที่เกิดอุบัติเหตุนี้มี
“ผ้าเบรก”
ติดตั้งอยู่ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดและออกแบบไว้ทุกประการ แต่จากลักษณะของ “ผ้าเบรก” ชนิดที่บริษัทรถยนต์ติดตั้งจะมีปัญหาในการทำงานเวลาเจอสภาพถนนที่มีน้ำเจิ่งนองบนถนนเหมือนดังเช่นสภาพถนนที่ลุงชมกำลังขับรถกลับบ้านในวันเกิดเหตุ
ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ในระยะทางอันใกล้พอที่จะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้
ผลจากการที่ผ้าเบรกของรถยนต์ยี่ห้อนี้รุ่นนี้ที่ไม่สามารถทำให้รถหยุดได้ในสภาพถนนที่มีน้ำเจิ่งนองเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้ลุงชมได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
กรณีนี้เราเรียกว่าเป็น
“ความบกพร่องในการออกแบบ” เพราะผ้าเบรกไม่ได้ขาดหายไป
มีการติดตั้งเรียบร้อยทุกประการ แต่ลักษณะหรือคุณสมบัติของผ้าเบรกที่ติดตั้งตามที่มีการกำหนดหรือออกแบบไว้นี้เองที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอันตรายขึ้นมา
“ความไม่ปลอดภัย”
ของตัวสินค้าเกิดขึ้นจากลักษณะหรือองค์ประกอบของสินค้าที่มีการกำหนดหรือออกแบบไว้
ไม่ได้เกิดจากการที่มีลักษณะหรือองค์ประกอบขาดหายไปหรือไม่เป็นไปตามที่กำหนด
ลักษณะของความบกพร่องประเภทนี้มองดูเหมือนน่าจะไม่ได้เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสินค้าใดเป็นสินค้าที่มี
“ความบกพร่องในการออกแบบ” หรือไม่ หรือสินค้าใดเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยดีแล้ว
แต่ในทางปฏิบัติและในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดและความยุ่งยากไม่น้อย
ความยุ่งยากที่ว่าเกิดจากการที่แทบจะไม่มีสินค้าชนิดใดในโลกที่ปราศจาก
“อันตราย” อย่างสิ้นเชิง
สินค้าแทบทุกชิ้นมีโอกาสจะก่อให้เกิดอันตรายได้ไม่มากก็น้อย
หากเรามองไปที่สินค้าที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร
เช่น ของเล่นเด็กที่ปกติใช้เพื่อการเล่นสนุกสนาน ก็อาจจะเกิดอันตรายได้ไม่ยาก ของเล่นประเภทที่เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ
ให้เด็กใช้ประกอบเป็นวัตถุรูปทรงต่างๆ ตามที่เด็กจะจินตนาการออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ต้นไม้ สัตว์ประเภทต่างๆ
ยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หากเด็กเล็กนำเข้าไปในปากจนหลุดลงไปในลำคอ
สินค้าบางชนิดมีลักษณะที่เป็นอันตรายได้อยู่ในตัวเอง
หากทำให้สินค้านั้นปราศจากอันตรายโดยสิ้นเชิงอาจจะทำให้คุณประโยชน์หรือการใช้งานสินค้านั้นไม่เป็นไปตามที่ผู้ซื้อต้องการก็ได้
เช่น มีด
ความคมของมีดย่อมทำให้มีดมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานหรือผู้ที่บังเอิญเข้าไปในบริเวณใกล้เคียง
หากเราต้องการจะทำให้มีดไม่มีอันตรายโดยสิ้นเชิง
เราก็ต้องทำให้ความคมหายไปเพราะความคมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตราย
แต่มีดที่ไม่มีความคมก็คงเป็นมีดที่ไม่มีใครต้องการจะใช้
การที่เราใช้มีดหั่นเนื้อหั่นผักเพราะเราต้องการจะใช้ความคมของมีดนั่นเอง
ลักษณะของสินค้าเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของของเล่นเด็กหรือมีดล้วนแต่เป็นลักษณะที่ผู้ผลิตกำหนดหรือออกแบบมาโดยเฉพาะเจาะจงทั้งสิ้น
การที่เราจะดูว่าสินค้าชนิดใดเป็นสินค้าที่มี “ความบกพร่องในการออกแบบ”
จึงต้องดูประกอบกันระหว่างลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับลักษณะการใช้งานของสินค้าแต่ละชนิดว่าอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลักษณะการใช้งานและคุณประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วมีมากน้อยกว่ากันเพียงใด
และอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นเป็นอันตรายที่เกินขีดความพอดีที่อาจจะยอมรับได้หรือไม่
การออกแบบสินค้านั้นสามารถทำในลักษณะอื่นที่อาจลดระดับหรือโอกาสที่จะเกิดอันตรายขึ้นได้หรือไม่
การออกแบบในลักษณะอื่นนั้นจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใดและจะลดทอนประสิทธิภาพการใช้งานตามปกติของสินค้านั้นหรือไม่
หากเรากลับไปมองดูสินค้าเช่นมีดโดยอาศัยหลักการดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่าการออกแบบมีดในลักษณะหรือรูปแบบอื่นเพื่อให้มีอันตรายน้อยลงหรือทำให้ไม่มีอันตรายเลยแทบจะเป็นไปไม่ได้
เพราะลักษณะการจับ การหั่น และวัตถุประสงค์ของการใช้มีดที่ต้องอาศัยความคมของมีดเป็นหลักทำให้ไม่สามารถออกแบบมีดในรูปแบบที่แตกต่างไปได้มากนัก
อันตรายที่อาจเกิดจากมีดแม้จะมีอยู่บ้างแต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับคุณประโยชน์ที่จะได้รับ
เราจึงอาจถือได้ว่ามีดไม่ได้เป็นสินค้าที่มี “ความบกพร่องในการออกแบบ” เว้นแต่จะมีการออกแบบมีดแบบพิสดารที่ทำให้เกิดอันตรายมากกว่ามีดแบบปกติที่ใช้กันทั่วไปในครัวเรือนก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ต้องพิจารณาแยกต่างหากจากกรณีของมีดตามปกติ
สินค้าชนิดอื่นที่เคยปัญหาเกี่ยวกับ
“ความบกพร่องในการออกแบบ” เช่น รถยนต์ยี่ห้อหนึ่งมีการออกแบบในลักษณะที่บริเวณกระดุมล้อมีขอบเหล็กยื่นออกมา
ทำให้ขอบเหล็กดังกล่าวไปเกี่ยวกับคนที่ขี่รถจักรยานสวนทางมาพอดี
หรือกรณีของรถยกของที่การออกแบบที่ไม่ดีทำให้รถพลิกคว่ำในขณะที่กำลังยกของในบริเวณพื้นที่ลาดเอียง
หรือกรณีของรถยนต์ประเภทที่เรียกว่า SUV (Sport utility vehicle) บางยี่ห้อที่มีปัญหาพลิกคว่ำได้ง่ายเมื่อความเร็วขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง
กรณีต่างๆ
เหล่านี้อันตรายที่เกิดจากตัวสินค้าล้วนแต่เกิดจากลักษณะหรือองค์ประกอบบางอย่างของสินค้าที่ถูกกำหนดหรือออกแบบไว้เป็นสาเหตุที่สำคัญทั้งสิ้น
ความบกพร่องเหล่านี้นี่เองที่เราถือว่าเป็น “ความบกพร่องในการออกแบบ”
ความบกพร่องในการออกแบบ
(Design
defect)
หมายถึง
ความบกพร่องของสินค้าที่มีการผลิตโดยมีลักษณะตามแบบที่ออกหรือกำหนดไว้สำหรับสินค้านั้น
แต่ลักษณะบางประการที่ออกแบบหรือกำหนดไว้เป็นสาเหตุทำให้เกิดอันตรายจากสินค้านั้น
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น