ถ้าแข่งแพ้เองก็ช่วยไม่ได้

เราได้พูดกันมาแล้วว่า การแข่งขัน ในตลาดสินค้าหรือบริการมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด แต่การส่งเสริมและสนับสนุนของกฎหมายในที่นี้จะเป็นการส่งเสริมต่อกระบวนการ แข่งขัน ในตลาด ไม่ใช่เป็นการสนับสนุนหรือส่งเสริม ผู้แข่งขัน โดยตรงเพียงเพื่อให้มี ผู้แข่งขัน ในตลาดมากหน้าหลายตาโดยไม่คำนึงว่า ผู้แข่งขัน ที่มีอยู่มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด เพราะการที่เราสนับสนุนและส่งเสริมให้มี การแข่งขัน ในที่นี้นั้นไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์แก่ ผู้แข่งขัน เอง แต่เราสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการแข่งขันเพื่อประโยชน์แก่ ผู้บริโภค เป็นสำคัญ การพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นจึงต้องคำนึงด้วยว่ามาตรการใดๆ ที่จะทำขึ้นจะเป็นประโยชน์แก่ ผู้บริโภค และกระบวนการแข่งขันในตลาดหรือไม่ มาตรการใดก็ตามที่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ ผู้แข่งขัน บางราย แต่ไม่ทำให้ ผู้บริโภค หรือกระบวนการแข่งขันในตลาดได้รับประโยชน์ตามไปด้วย มาตรการเหล่านั้นก็อาจจะเป็นมาตรการที่ไม่เหมาะสม

ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจรายใดที่ประกอบกิจการแล้วไม่สามารถผลิตสินค้าหรือให้บริการที่มีคุณภาพดีกว่าหรือไม่ด้อยไปกว่าผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นและในราคาที่สามารถ สู้ ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ กฎหมายคงจะไม่สามารถไปให้การ อุดหนุน เป็นกรณีพิเศษแก่ผู้ประกอบธุรกิจรายนั้น การที่ผู้ประกอบธุรกิจบางรายจะล้มหายตายจากตลาดไปเนื่องจากไม่สามารถเสนอขายสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่ารายอื่นในราคาที่ไม่แตกต่างกันนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นจากการแข่งขัน การประคับประคองให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขาด ประสิทธิภาพ ในการประกอบธุรกิจเหล่านี้อยู่รอดต่อไปได้ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามที่อยู่นอกเหนือกลไกตลาดย่อมจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อ ผู้บริโภค และกระบวนการแข่งขันในตลาด ตรงกันข้าม สถานการณ์ดังกล่าวมีแต่จะทำให้เกิดความสูญเสียต่อ ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ ของประเทศโดยไม่จำเป็น

สมมติว่าในประเทศไทยของเรามีแร่แพลทตินัมอยู่ทั้งสิ้น 1 ตันโดยทั้งประเทศมีอยู่เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น  บริษัท ยอดเยี่ยม จำกัด เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดหนึ่งที่ใช้แร่แพลทตินัมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ คู่แข่งสำคัญของบริษัท ยอดเยี่ยม จำกัดในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวคือบริษัท พอประมาณ จำกัดและบริษัท ย่ำแย่ จำกัด ที่แข่งขันกันมาเป็นเวลาหลายปี

บริษัท ยอดเยี่ยม จำกัดเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ติดตามด้วยบริษัท พอประมาณ จำกัด และรั้งท้ายด้วยบริษัท ย่ำแย่ จำกัด ในแต่ละปี บริษัท ยอดเยี่ยม จำกัดจะผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวปีละ 100,000 ชิ้น บริษัท พอประมาณ จำกัด ผลิตปีละ 60,000 ชิ้น และบริษัท ย่ำแย่ จำกัด ผลิตปีละ 30,000 ชิ้น

ในช่วงห้าปีหลังมานี้ บริษัท ยอดเยี่ยม จำกัดและบริษัท พอประมาณ จำกัด ได้พัฒนากระบวนการผลิตสินค้าของตนด้วยวิธีการใหม่ๆ ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและลดปริมาณการใช้ แร่แพลทตินัม ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญไปได้มาก เดิมทั้งสองบริษัทมีต้นทุนการผลิตใกล้เคียงกันประมาณชิ้นละ 10,000 บาท และใช้ แร่แพลทตินัม ในปริมาณ 100 กรัมต่อการผลิตสินค้า 10,000 ชิ้น ส่วนบริษัท ย่ำแย่ จำกัด ไม่ได้ทำการวิจัยและพัฒนามากนักเนื่องจากมีปัญหาภายในบริษัท ทำให้ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ตกประมาณชิ้นละ 12,000 บาทและต้องใช้ แร่แพลทตินัม ในปริมาณ 120 กรัมต่อการผลิตสินค้า 10,000 ชิ้น ปริมาณการใช้แร่แพลทตินัมดังกล่าวนี้นี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัท ย่ำแย่ จำกัดสูงกว่าบริษัทคู่แข่ง

ผลจากการที่ต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า ทำให้บริษัท ย่ำแย่ จำกัดต้องตั้งราคาขายสินค้าสูงกว่าคู่แข่งอีกสองรายไปด้วย ทำให้จำนวนลูกค้าหดหายไปเรื่อยๆ บริษัทจึงเริ่มมีผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้นทุกปี

คำถามประการหนึ่งต่อสถานการณ์ข้างต้นนี้คือเราควรจะทำอย่างไรกับบริษัท ย่ำแย่ จำกัด เราควรจะสนับสนุนให้บริษัท ย่ำแย่ จำกัดสามารถ อยู่ แข่งขันในตลาดต่อไปเพื่อมิให้จำนวนบริษัทที่แข่งขันในตลาดสินค้านี้ไม่ลดน้อยเกินไป เพราะหากบริษัท ย่ำแย่ จำกัด ต้องมีอันเป็นไปจะเหลือบริษัทที่ผลิตสินค้าชนิดนี้อยู่เพียง 2 บริษัทเท่านั้น หรือเราควรจะปล่อยให้บริษัท ย่ำแย่ จำกัด ต้องล้มเลิกกิจการไปตามยถากรรม

คำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวอาจจะพิจารณามองได้หลายแง่มุม การประคับประคองให้บริษัท ย่ำแย่ จำกัดประกอบกิจการต่อไป ผู้บริโภค และ ระบบเศรษฐกิจ จะได้ประโยชน์อะไร

ในแง่ของ ผู้บริโภค การประคับประคองบริษัท ย่ำแย่ จำกัดให้ดำเนินธุรกิจต่อไปแทบจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสินค้าของบริษัทดังกล่าวมีราคาสูงกว่าของผู้ผลิตรายอื่น ผู้บริโภคย่อมไปซื้อหาจากบริษัทคู่แข่งได้ในราคาที่ถูกกว่าอยู่แล้ว หากจะมีข้อกังวลอยู่บ้างคือในกรณีที่เหลือผู้ผลิตเพียงสองรายอาจจะทำให้ผู้ผลิตทั้งสองรายร่วมกันขึ้นราคาสินค้าไปได้มาก ทำให้ผู้บริโภคต้องเสียเงินในการซื้อหาสินค้าชนิดนี้มากขึ้น แต่แม้ในกรณีที่เหลือผู้ผลิตเพียงสองรายดังกล่าว แม้จะเพิ่มบริษัท ย่ำแย่ จำกัดเข้าไปอีกหนึ่งบริษัทก็คงไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าใดเพราะโดยสภาพบริษัท ย่ำแย่ จำกัดมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าอีกสองบริษัทอยู่แล้ว การจะช่วยเป็นตัวถ่วงไม่ให้ขึ้นราคาไปจึงแทบจะทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ และตราบใดที่ราคาสินค้าของอีกสองบริษัทตั้งไว้ไม่สูงไปกว่าต้นทุนหรือราคาสินค้าของบริษัท ย่ำแย่ จำกัดแล้ว ผู้บริโภคคงไม่หันไปซื้อสินค้าของบริษัท ย่ำแย่ จำกัดอยู่เช่นเดิม

ในแง่ของ ระบบเศรษฐกิจ กรณีนี้หรือกรณีอื่นที่คล้ายกันนี้ซึ่ง ผู้แข่งขัน ที่มีปัญหาในการประกอบกิจการเนื่องจาก ผู้แข่งขัน เหล่านี้มี ประสิทธิภาพ ในการประกอบธุรกิจ ต่ำกว่า คู่แข่งขันรายอื่นๆ การให้ความช่วยเหลือ พิเศษ เพียงเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้อยู่รอดไปวันๆ มีแต่จะเกิดผลเสีย ในกรณีดังเช่นตามตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า ทรัพยากร ที่สังคมหรือประเทศไทยนี้มีอยู่ไม่ได้มีอย่างไม่จำกัด หากไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ทั่วไปเช่น อากาศ แล้ว สิ่งอื่นๆ ล้วนมีจำนวนจำกัดด้วยกันทั้งสิ้น ประโยชน์ของสังคมในระยะยาวจึงเป็นปัญหาของการคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะนำ ทรัพยากร ที่มีจำกัดเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุดและเกิดประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนที่เป็นผู้บริโภคทั้งหลายมากที่สุด

หากเราย้อนกลับไปดูกรณีของทั้งสามบริษัทที่เรากล่าวถึงมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ทรัพยากร"ในที่นี้คือ แร่แพลทตินัม ที่มีอยู่เพียง 1 ตันเท่านั้น บริษัท ย่ำแย่ จำกัดใช้วัตถุดิบ 120 กรัมในการผลิตสินค้าจำนวน 10,000 ชิ้น หากให้บริษัท ย่ำแย่ จำกัดนำทรัพยากรแร่แพลทตินัมที่มีอยู่ทั้งหมดมาใช้จะผลิตสินค้าได้เพียง 83,333,333.33 ชิ้น แต่สำหรับอีกสองบริษัทใช้วัตถุดิบเพียง 100 กรัมในการผลิตสินค้าจำนวน 10,000 ชิ้นเท่ากัน หากให้บริษัททั้งสองนำทรัพยากรแร่แพลทตินัมที่มีอยู่ทั้งหมดมาใช้จะทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ถึง 100,000,000 ล้านชิ้น การให้บริษัทหรือผู้ประกอบธุรกิจที่มี ประสิทธิภาพ ในการผลิตนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้จึงจะทำให้สังคมได้ประโยชน์มากกว่า ในกรณีนี้จะทำให้ ผู้บริโภค ได้สินค้าใช้เพิ่มขึ้นอีก 16,666,666.66 ชิ้นในจำนวนทรัพยากรที่มีอยู่เท่าเดิม

ตัวอย่างข้างต้นแม้จะเป็นตัวอย่างที่สมมติขึ้นเพื่อทำความเข้าใจปัญหา แต่ เหตุและผล ของปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ย่อมใช้ได้กับการผลิตสินค้าหรือให้บริการชนิดอื่นด้วยที่หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดมี ประสิทธิภาพ ในการประกอบธุรกิจด้อยกว่าผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นจนไม่สามารถมีผลประกอบการที่ทำให้อยู่รอดได้ด้วยตัวเอง การให้ผู้ประกอบธุรกิจด้อยประสิทธิภาพเหล่านี้ดำเนินกิจการต่อไปจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และไม่ได้ช่วยให้ การแข่งขัน ในตลาดดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไร ต้นทุน ของผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้ก็สูงกว่าและ คุณภาพ ของสินค้านอกจากจะไม่ดีกว่าแล้วยังอาจจะ แย่ กว่าก็ได้ การ พ่ายแพ้ อันเกิดจาก ประสิทธิภาพ ในการดำเนินธุรกิจด้อยกว่านี้เป็นกรณีที่ไม่ใช่ กิจธุระ ของกฎหมายที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตราบเท่าที่การพ่ายแพ้นั้นอยู่ในกรอบกติกาของการแข่งขันตามปกติ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความรับผิดของผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีอำนาจควบคุมนิติบุคคล

ฮั้ว