สัญญาสำเร็จรูปและ สัญญาอื่นที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายข้อสัญญาไม่เป็นธรรม


          ตามปกติในการทำสัญญาชนิดและประเภทต่างๆ หลักการหนึ่งที่เป็นที่ยึดถือกันมาโดยตลอดคือ หลักเสรีภาพในการทำสัญญา ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่าการที่คู่สัญญาแต่ละคู่หรือแต่ละกรณีจะตกลงกำหนด เงื่อนไข ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ ของแต่ละฝ่ายไว้อย่างไรย่อมเป็น เสรีภาพ ที่คู่สัญญานั้นจะทำได้ตราบเท่าที่การตกลงนั้นไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนซึ่งในแง่ของกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาแล้วถือว่ามีกฎหมายลักษณะดังกล่าวไม่มากนักเมื่อเทียบกับกฎหมายด้านอื่นๆ กฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับสัญญาส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้ตกลงกำหนดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งไว้โดยเฉพาะจึงให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้เผื่อล่วงหน้าเท่านั้น หลักการดังกล่าวนี้สามารถใช้ได้ดีในกรณีที่คู่สัญญาเจรจาและตกลงกำหนดรายละเอียดของสัญญาเอง ทำให้แต่ละฝ่ายมีโอกาสคิดและไตร่ตรอง ตลอดจนเลือกข้อสัญญาต่างๆ ได้ หากเห็นว่าข้อสัญญาใดที่เสียเปรียบเกินสมควรก็สามารถเจรจาเพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้อยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้

ในการดำเนินธุรกิจการค้าในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่พบเห็นจนกลายเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ ในการประกอบธุรกิจการค้าคือการนำสัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งซึ่งปกติจะได้แก่ฝ่ายที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจได้ทำขึ้นเป็นแบบฟอร์มมาตรฐานที่กำหนดรายละเอียดของ เงื่อนไข ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ ของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายไว้ล่วงหน้า ในการเข้าทำสัญญาจึงจะไม่มีการเจรจาเปลี่ยนแปลง เงื่อนไข ตลอดจนสิทธิหน้าที่ ของแต่ละฝ่ายกันอีก หากมีการทำสัญญาก็จะใช้รายละเอียดของสัญญาตามแบบฟอร์มมาตรฐานที่จัดเตรียมไว้นี้ หากคู่สัญญาซึ่งตามปกติจะเป็นฝ่ายผู้บริโภคไม่ยอมรับเงื่อนไขของสัญญาตามที่กำหนด สิ่งเดียวที่ผู้บริโภคสามารถทำได้คือการปฏิเสธที่จะทำสัญญานั้น หากต้องการที่จะซื้อหรือใช้บริการในลักษณะเดียวกับของผู้ประกอบธุรกิจรายนั้นอยู่อีกก็ต้องไปติดต่อหาผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นซึ่งก็มักจะพบกับสัญญาที่ทำขึ้นเป็นแบบมาตรฐานลักษณะที่เหมือนๆ กันเพียงแต่แตกต่างกันในรายละเอียดบ้าง สัญญาในลักษณะดังกล่าวนี้กฎหมายว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเรียกว่าเป็น สัญญาสำเร็จรูป

รูปแบบของ สัญญาสำเร็จรูป อาจปรากฏได้ในหลายลักษณะ เช่น สัญญาที่ทำเป็นแบบฟอร์มให้คู่สัญญาต้องลงลายมือชื่อไว้ในขณะที่เข้าทำสัญญาเพื่อใช้เป็นหลักฐานของการเข้าทำสัญญา สัญญาที่แนบติดมาพร้อมกับหีบห่อของสินค้าที่ซื้อ หรือแม้แต่สัญญาที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซด์ต่างๆ ที่อาจจะปรากฏขึ้นและให้ผู้ใช้บริการ คลิ๊ก เมาส์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงการยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอนั้น

การทำสัญญาในลักษณะของสัญญาสำเร็จรูปนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็น ความจำเป็น ในการประกอบธุรกิจประการหนึ่ง เพราะหากเราคำนึงถึง จำนวน ของธุรกรรมต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องทำในแต่ละวัน การเจรจาและตกลงกำหนดเงื่อนไขของสัญญาเป็นรายกรณีไปเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ใน โลกปัจจุบัน นี้ เช่น หากธนาคารแห่งหนึ่งต้องเจรจากำหนดรายละเอียดของ สัญญากู้ กับลูกค้าเป็นรายกรณี และธนาคารนั้นมีลูกค้าที่ทำสัญญากู้ด้วยปีหนึ่งประมาณ 100,000 คน หากเราตั้งสมมติฐานว่าในการเจรจา การพิมพ์ข้อสัญญา และขั้นตอนการขออนุมัติสัญญา (ที่ต้องพิจารณารายละเอียดในแต่ละเรื่องโดยผู้มีอำนาจของธนาคาร เพราะข้อความในสัญญาอาจจะแตกต่างกันไปมาก) จะใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมงต่อการทำสัญญากับลูกค้าหนึ่งราย แต่ละปีธนาคารแห่งนั้นต้องใช้เวลาเกี่ยวกับสัญญาเหล่านี้ประมาณ 300,000 ชั่วโมง แต่หากเราลองคำนวณดูเวลาที่เรามีในแต่ละปีที่มีอยู่ 365 วัน วันละ 24 ชั่วโมง เราจะมีเวลาอยู่เพียงปีละ 8,760 ชั่วโมงเท่านั้น จริงอยู่ที่ในการทำสัญญาธนาคารอาจจะดำเนินการไปพร้อมๆ กันได้โดยใช้พนักงานหลายคนพร้อมๆ กัน แต่แม้ในกรณีเช่นนี้เราจะเห็นได้ว่า ส่วนต่าง ระหว่างเวลาที่ต้องใช้กับเวลาที่มีอยู่ก็ยังแตกต่างกันมาก และหากต้องให้พนักงานทำการเจรจา คงจะไม่ใช่พนักงานทั่วๆ ไปที่ให้พนักงานคนไหนทำก็ไม่แตกต่างกันเหมือนปัจจุบัน แต่พนักงานเหล่านั้นจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับข้อสัญญาที่จะทำมากพอสมควร และในท้ายที่สุดของกระบวนการขออนุมัติสัญญาเหล่านั้นจะไป กระจุก ตัวอยู่ที่ ผู้มีอำนาจอนุมัติ อยู่ไม่กี่ราย เวลา 3 ชั่วโมงที่เราใช้เป็นสมมติฐานในการคำนวณยังไม่ได้รวมระยะเวลาในการรอคอยเหล่านี้เสียด้วยซ้ำไป

ในโลกอิเล็กทรอนิกส์และ สังคมออนไลน์ ที่จำนวนธุรกรรมลักษณะนี้กำลังเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นทุกวันนี้ การเจรจาและทำความตกลงข้อสัญญาเป็นรายกรณีเป็นเรื่องที่อาจจะไม่เกินจริงนักหากจะกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะในการทำธุรกรรมลักษณะนี้คู่สัญญาจะไม่รู้จักหน้าค่าตาของแต่ละฝ่าย ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจริง ๆ แล้วคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งของตนอยู่ ณ ที่ใดในโลกใบนี้ เพราะธุรกรรมลักษณะนี้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของ พรมแดน เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้ธุรกรรมลักษณะนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา แม้คู่สัญญาจะอยู่กันคนละฟากของโลกซึ่งในขณะที่เวลาของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นกลางวัน แต่เวลาของอีกฟากหนึ่งเป็นเวลากลางคืน ทั้งสองฝ่ายยังสามารถทำสัญญากันได้ตราบเท่าที่ เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ยังสามารถใช้งานได้ เหตุผลที่ทำให้การดำเนินการลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นได้เป็นเพราะระบบการโต้ตอบแบบอัติโนมัติที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่เขียนไว้ล่วงหน้า แต่หากต้องมีการเจรจาข้อสัญญา แม้ปัจจุบันเราจะมีระบบคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาไปมาก แต่ระบบคอมพิวเตอร์ปัจจุบันก็ยังไม่ ฉลาด พอที่จะวิเคราะห์ความได้เปรียบเสียเปรียบของข้อสัญญาได้ สุดท้ายยังคงต้องพึ่ง คน ในเรื่องเหล่านี้ หากเราต้องบังคับให้ระบบโลกออนไลน์กลับมาใช้ คน ในการโต้ตอบ ประโยชน์ของระบบอิเล็กทรอนิกส์แทบจะหมดสิ้นไปในทันที

อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นในการใช้รูปแบบของ สัญญาสำเร็จรูป ที่เรากล่าวถึงมานี้แม้จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นคงจะไม่ได้ แต่ความจำเป็นดังกล่าวไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เนื้อหาและสาระ ของ สัญญาสำเร็จรูป ที่จะทำขึ้น เพราะผู้ประกอบธุรกิจยังคงมีอิสระที่จะกำหนดหรือไม่กำหนด เนื้อหาและสาระ ของสัญญาสำเร็จรูปนั้นในลักษณะใดลักษณะหนึ่งก็ย่อมได้ และการทำสัญญาสำเร็จรูปก็คงจะไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายเอาเปรียบจากอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไรก็ได้ด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุที่การทำสัญญาอยู่ในรูปของสัญญาสำเร็จรูปนี้เองที่ทำให้กฎเกณฑ์ของกฎหมายที่มีอยู่แต่เดิมไม่สามารถใช้ได้ดีเหมือนในอดีต ทำให้ต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์โดยเฉพาะเป็นกฎหมายว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมซึ่งจะกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาสำเร็จรูปไว้ต่างหากจากการทำสัญญาอื่นๆ ทั่วๆไปเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคที่ไม่มีโอกาสต่อรองเลือกเงื่อนไขของสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจได้

นอกจากกฎหมายดังกล่าวจะใช้กับ ข้อตกลง ในสัญญาสำเร็จรูปแล้ว ยังใช้บังคับกับข้อตกลงในสัญญาใด ๆ ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจด้วยแม้ว่าข้อตกลงนั้นจะไม่ได้เป็นสัญญาสำเร็จรูปก็ตาม และใช้บังคับกับสัญญาขายฝากด้วย

ผู้บริโภค ที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าวนี้ได้แก่ผู้ที่เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ ผู้กู้ ผู้เอาประกันภัย หรือผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อให้ได้มา ซึ่งทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดโดยมีค่าตอบแทน โดยการเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปโดยมิใช่เพื่อการค้า ทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใดนั้น และรวมถึงผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกันของบุคคลดังกล่าวซึ่งมิได้กระทำเพื่อการค้าด้วย

ส่วน ผู้ประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพ ที่จะตกอยู่ภายใต้บังคับที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะต้องไม่กำหนดข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจะได้แก่ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ขาย ผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้กู้ ผู้รับประกันภัย หรือผู้เข้าทำสัญญาอื่นใดเพื่อจัดให้ซึ่งทรัพย์สิน บริการ หรือประโยชน์อื่นใด โดยการเข้าทำสัญญานั้นต้องเป็นไปเพื่อการค้า ทรัพย์สิน บริการหรือประโยชน์อื่นใดนั้นเป็นทางค้าปกติของตน

สัญญาที่ตกอยู่ภายใต้ข้อกำหนดขอกฎหมายฉบับนี้เรากล่าวถึงมาแล้วว่าส่วนที่สำคัญคือสัญญาที่เราเรียกว่า สัญญาสำเร็จรูป ซึ่งตามกฎหมายอาจจะเป็นสัญญาชนิดใดๆ ก็ได้ที่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการกำหนดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญไว้ล่วงหน้าซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ปกติย่อมจะได้แก่คู่สัญญาที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพนั่นเองนำมาใช้ในการประกอบกิจการของตน

เมื่อเรารู้แล้วว่าสัญญาและคู่สัญญาใดที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายนี้ ในส่วนต่อไปเราจะกล่าวถึงลักษณะของ ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กันต่อไป


สัญญาสำเร็จรูป ได้แก่สัญญาชนิดใดๆ ก็ได้ที่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการกำหนดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญไว้ล่วงหน้าซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ปกติย่อมจะได้แก่คู่สัญญาที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพนั่นเองนำมาใช้ในการประกอบกิจการของตน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความรับผิดของผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีอำนาจควบคุมนิติบุคคล

ฮั้ว

บางครั้งก็ต้องยอม