การเจรจาและอายุความ

          เมื่อมีกรณีที่จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องและดำเนินคดีเพื่อบังคับตามสิทธิ ปัจจัยหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องให้ความสำคัญคือเรื่องของ อายุความเพราะอาจจะกระทบถึงการใช้สิทธินั้นว่าจะทำได้หรือไม่ หากแม้มี สิทธิ แต่ไม่ได้ใช้สิทธินั้นภายในเวลาที่เหมาะสม สิทธิที่มีอยู่ก็อาจจะไม่มีค่าอะไรเลยก็ได้
          หากเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องจากการที่มีผู้ทำ ละเมิด ตามปกติจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 1 ปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น หลายครั้งเราจึงพบว่าเวลาหนึ่งปีผ่านพ้นไปด้วยความรวดเร็วจนทำอะไรแทบไม่ทัน แต่ที่สำคัญคือ อันตราย ที่เกิดจากตัวสินค้าหลายอย่างต้องใช้เวลากว่าที่เราจะรู้ตัว บางครั้งอาจจะรู้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเรา แต่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากอะไร หรือเกิดจากการใช้หรือบริโภคสินค้าตัวไหน ทำให้การใช้สิทธิเรียกร้องในกรณีเหล่านี้อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับ อายุความ ได้

อายุความทั่วไป

          ในกรณีที่สินค้าที่เราซื้อหาไปใช้หรือบริโภคทำให้เกิด อันตราย และมีความเสียหายขึ้น หากจะใช้สิทธิเรียกร้องใดๆ ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต้องใช้สิทธิในการฟ้องร้องดำเนินคดีภายใน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ผู้เสียหาย (ก) รู้ถึงความเสียหาย และ (ข) รู้ตัวผู้ประกอบการที่ต้องรับผิด การนับระยะเวลาดังกล่าวจึงไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับวันที่ซื้อขายสินค้า หรือวันที่ใช้หรือบริโภคสินค้านั้น การที่จะเริ่มนับจึงต้องดูเป็นรายกรณีไปว่าผู้เสียหายรู้เมื่อใดว่าได้เกิดมีความเสียหายกับตนแล้ว ถ้าหากเป็นกรณีของสินค้าที่เราพูดถึงกันมาเช่น แบตเตอรี่ที่ระเบิดขึ้นการจะดูว่าความเสียหายเกิดขึ้นเมื่อใดและรู้ถึงความเสียหายนั้นเมื่อใดคงจะไม่ใช่เรื่องยากเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ในกรณีแบบนี้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นเราอาจจะคาดได้ด้วยว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับสินค้าที่เราซื้อมาใช้หรือบริโภคซึ่งจะทำให้หาตัวผู้ประกอบการที่จะต้องรับผิดได้ไม่ยาก หากในวันที่เกิดความเสียหายขึ้นเรารู้ด้วยว่าผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดเป็นใคร อายุความ 3 ปีนี้ก็จะต้องเริ่มนับในวันเดียวกัน แต่หากต้องมีการสืบหาข้อมูลของผู้ประกอบที่ต้องรับผิดอีก อายุความ 3 ปีนี้ก็จะต้องเริ่มนับในวันที่เรารู้ตัวผู้ประกอบการที่จะเกิดขึ้นหลังจากวันที่เรารู้ถึงความเสียหายแล้ว



อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิเรียกร้องข้างต้นนี้จะต้องไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่มีการขายสินค้า เช่นหากกว่าจะสืบรู้ตัวผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดเป็นช่วงที่พ้น 10 ปีนับแต่วันที่เราไปซื้อสินค้านั้นมาก็อาจจะทำให้คดีที่เราจะฟ้องร้องกลายเป็นขาดอายุความ โดยทั่วไปอาจจะไม่มีปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการนานขนาดนั้นหากเป็นสินค้าที่เราใช้หรือบริโภคบ่อยๆ เพราะหากสินค้ามี ความบกพร่อง จริงๆ ไม่ว่าในลักษณะใดลักษณะหนึ่งคงจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นภายในเวลาที่ไม่นานมากนัก แต่สินค้าบางชนิดเราอาจจะไม่ได้ใช้บ่อยนักหรือซื้อมาแล้วแทบจะไม่ได้ใช้เลย ทำให้กว่าจะใช้และเกิดความเสียหายขึ้นมาก็ใกล้จะครบ 10 ปีแล้วทำให้คดีมีปัญหาเรื่องอายุความขึ้นมาได้



อายุความกรณีที่ต้องใช้เวลาในการแสดงอาการ

          ในบางกรณีสินค้าที่ไม่ปลอดภัยอาจจะไม่ทำให้เกิดอันตรายในทันที แต่จะเกิดอันตรายให้เห็นหลังจากมีการใช้หรือบริโภคสินค้านั้นเป็นเวลานานจนกระทั่งส่วนผสมในตัวสินค้าที่เป็นอันตรายมีปริมาณมากพอที่จะทำให้เกิดอันตรายที่สามารถสังเกตเห็นได้ สินค้าประเภทนี้เช่น ยา อาหาร หรือแม้กระทั่งวัสดุของใช้ ในอดีต กระเบื้องหรือฝ้าที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารหรือที่พักอาศัยมีส่วนผสมของแร่ใยหินอยู่ หากมีการสัมผัสหรืออยู่ใกล้วัสดุที่มีส่วนผสมของแร่ชนิดนี้อยู่มากอาจจะทำให้บุคคลเหล่านั้นเป็นโรคมะเร็งปอดได้ การที่จะเกิดมีอาการของโรคมะเร็งขึ้นเมื่อใดจะขึ้นอยู่กับว่าบุคคลเหล่านั้นสัมผัสหรืออยู่ใกล้วัสดุที่มีแร่ใยหินมากน้อยเพียงใด หากต้องสัมผัสหรืออยู่ใกล้บ่อย อาการผิดปกติของโรคมะเร็งอาจจะเกิดขึ้นได้เร็ว แต่หากไม่ได้สัมผัสหรืออยู่ใกล้มากก็อาจจะใช้เวลานานกว่าที่จะแสดงอาการออกมา บางครั้งอาจจะนานถึงสิบปีก็ได้ ดังนั้น ในกรณีเหล่านี้เราไม่สามารถใช้วิธีการนับอายุความแบบปกติได้ เพราะอายุความแบบปกติเราได้กล่าวถึงไปแล้วว่าแม้โดยทั่วไปจะใช้สิทธิเรียกร้องได้ภายใน 3 ปีนับแต่รู้ถึงความเสียหายและรู้ตัวผู้ประกอบการที่ต้องรับผิด แต่จะต้องไม่เกิน 10 ปีนับแต่มีการขายสินค้านั้น ทำให้ในกรณีที่ต้องใช้เวลาแสดงอาการเหล่านี้อาจพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่มีการขายสินค้าไปแล้วเราถึงจะรู้ว่าเกิดมีอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น

          ในกรณีที่ต้องใช้เวลาในการแสดงอาการเหล่านี้กฎหมายจึงได้กำหนดอายุความไว้เป็นกรณีพิเศษ แม้ตามปกติเรายังคงต้องนับอายุความตั้งแต่วันที่รู้ถึงความเสียหายและรู้ตัวผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดและใช้สิทธิเรียกร้องไม่เกิน 3 ปีนับตั้งแต่วันดังกล่าวเหมือนกับกรณีอายุความทั่วไปของการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย แต่ระยะเวลาสูงสุดที่กฎหมายให้ไว้จะเป็น 10 ปีนับตั้งแต่วันที่รู้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้เราอาจจะใช้สิทธิเรียกร้องได้แม้ว่าจะพ้น 10 ปีนับแต่วันที่มีการขายสินค้านั้นมาแล้วก็ตาม



อายุความสะดุดหยุดลงกรณีมีการเจรจา

          เมื่อเกิดมีความเสียหายขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย กฎหมายต้องการส่งเสริมให้ผู้เสียหายและผู้ประกอบการได้พยายามแก้ปัญหาและหาทางเยียวยาในระหว่างกันเองก่อน เพราะหากสามารถแก้ปัญหาและหาทางเยียวยาในระหว่างกันเองได้จะทำให้ผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือในเวลาอันรวดเร็ว หากต้องรอให้ทุกเรื่องไปใช้กระบวนการทางศาลเพื่อตัดสินชี้ขาดและบังคับการให้เป็นไปตามนั้นอาจจะใช้เวลานานจนผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือไม่ทันท่วงที

          มาตรการประการหนึ่งที่กฎหมายกำหนดให้เพื่อเป็นการส่งเสริมการหาทางเยียวยาในระหว่างกันเอง คือ การกำหนดให้อายุความที่เราได้กล่าวถึงมาข้างต้น สะดุดหยุดอยู่ ไม่นับรวมช่วงเวลาในระหว่างที่มีการเจรจาเกี่ยวกับค่าเสียหายระหว่างผู้ประกอบการกับผู้เสียหาย แม้ว่าการเจรจาจะไม่ได้ทำให้ต้องเริ่มนับอายุความกันใหม่เหมือนกับการไปฟ้องร้องคดีที่ศาลและมีผลเพียงว่าการเจรจาใช้เวลานานเท่าใดก็ให้หักระยะเวลาของการเจรจานั้นออกจากระยะเวลาตามอายุความเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็จะมีผลทำให้คู่กรณีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ต้องรีบร้อนในการไปฟ้องร้องคดีต่อศาลและสามารถเจรจาหาทางตกลงกันเองด้วยความสะดวกใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้น  หากก่อนเริ่มเจรจามีอายุความเหลืออยู่เท่าใด เมื่อมีการบอกเลิกการเจรจาแล้วการจะไปฟ้องร้องคดีต่อศาลก็ต้องทำภายในเวลาที่เหลืออยู่เท่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น หากก่อนเริ่มเจรจามีอายุความเหลืออยู่ 1 วัน ใช้เวลาเจรจากันอยู่นาน 10 วันก็บอกเลิกการเจรจาเสีย เมื่อบอกเลิกเจรจาแล้วก็ต้องรีบไปฟ้องคดีภายในเวลา 1 วันที่เหลืออยู่เช่นเดิม



          การเจรจาอาจจะทำให้การฟ้องร้องคดีเนิ่นช้าไปบ้าง แต่สำหรับคู่กรณีที่คิดว่าการเจรจาที่ดำเนินอยู่นั้นจะทำให้ตนเองเสียประโยชน์ซึ่งตามปกติน่าจะได้แก่ทางด้านของผู้ประกอบการที่เป็นฝ่ายต้องถูกเรียกร้องให้รับผิดที่จะต้องมีระยะเวลาที่อาจถูกฟ้องเรียกร้องเนิ่นนานขึ้น คู่กรณีฝ่ายนั้นสามารถขอ บอกเลิกการเจรจา เมื่อใดก็ได้ และการบอกเลิกการเจรจาดังกล่าวสามารถทำได้ฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งต้อง ยินยอม ด้วย เพราะการเจรจาจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคู่กรณีทุกฝ่าย หากคู่กรณีฝ่ายหนึ่งไม่เต็มใจที่จะเจรจาอีกต่อไปแล้วการเจรจานั้นก็ย่อมจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เมื่อมีการบอกเลิกการเจรจาแล้ว อายุความจะเริ่มนับต่อจากอายุความที่เคยนับมาแล้วก่อนมีการเจรจา ขึ้นอยู่กับว่าก่อนเจรจามีเวลาเหลืออยู่เท่าใดก็จะนับต่อไปเท่าเวลาที่เหลืออยู่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

          แม้ตามกฎหมายจะใช้คำว่า การเจรจา แต่ในบางกรณีคู่กรณีอาจจะขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นหรือหน่วยงานบางแห่งให้เข้ามามีบทบาทในการเจรจาด้วย โดยอาจจะให้บุคคลอื่นหรือหน่วยงานนั้นทำหน้าที่เป็น ผู้ไกล่เกลี่ย ให้แก่คูกรณี การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวนี้ก็ควรจะมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ด้วย เพราะแม้จะมีบุคคลที่สามเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น แต่เนื้อหาสาระของการดำเนินการก็ยังคงมีลักษณะของการเจรจาอยู่ ในกระบวนการไกล่เกลี่ย คู่กรณีไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายหรือผู้ประกอบการก็ยังคงต้องเจรจาในระหว่างกันเองอยู่ เพียงแต่การมีผู้ไกล่เกลี่ยเข้ามาช่วยจะทำให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะตกลงกันได้ง่ายขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ที่เป็น คนกลาง ประการสำคัญคือหากยังไม่ปรากฏเหตุที่คู่กรณีฝ่ายหนึ่งได้ บอกเลิก ก็คงต้องถือว่ายังมีการเจรจาดำเนินอยู่ด้วย

          นอกจากนั้น ตามกฎหมายไม่ได้จำกัดว่าการเจรจาระหว่างผู้เสียหายกับผู้ประกอบการนี้จะทำได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น หากมีการบอกเลิกการเจรจาไปแล้ว แต่ต่อมาคู่กรณีหวนกลับมาเจรจากันใหม่อีกไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องถือว่าระยะเวลาของการเจรจาแต่ละรอบไม่นับรวมอยู่ในอายุความตราบเท่าที่เมื่อคู่กรณีฝ่ายหนึ่งต้องการเจรจาแล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ขัดข้องที่จะเจรจาด้วย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความรับผิดของผู้ถือหุ้น หุ้นส่วน หรือบุคคลที่มีอำนาจควบคุมนิติบุคคล

ฮั้ว

บางครั้งก็ต้องยอม